สาว หอบหลักฐานร้องเรียน สามี แอบแต่งงานกับสาวอื่น ทั้งที่กำลังท้อง 3 เดือน พร้อมทั้งไล่ตนออกจากบ้าน ไม่รับผิดชอบเลี้ยงดูลูก และกล่าวหาว่าเป็นลูกชู้อีกด้วย
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา น.ส.ฝ้าย (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ชาวขอนแก่น นำเอกสาร ซึ่งเป็นภาพถ่าย สามี-ภรรยาและพ่อลูก และภาพแต่งงานของสามีกับหญิงอื่น เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายวัยขวบเศษ และให้สามีส่งเสียเลี้ยงดู
น.ส.ฝ้าย กล่าวว่า ช่วงอายุ 24 ปี ขณะทำงานที่กรุงเทพฯ ได้รู้จักกับ นายถนอม ก่อนที่จะห่างกันไป จากนั้นตนเองก็ไปแต่งงานมีบุตรด้วยกัน 1 คน และเลิกรากันไป จนเมื่อปี 2560 กลับมาเจอนายถนอม อีกครั้ง ซึ่งมารับตำแหน่งผู้อำนวยการสังกัดหนึ่งในพื้นที่ขอนแก่น จึงกลับมาคบกัน ซึ่งนายถนอม ได้นำทะเบียนหย่ากับภรรยาเก่า มายืนยันตนเองว่าไม่มีพันธะอะไร จึงคบกัน จากนั้นตนเองได้ตั้งครรภ์ แต่ตกลงกันว่าไม่จัดพิธีแต่งงานให้สิ้นเปลือง แค่เข้าใจรักกันก็พอ เมื่อท้องได้ 3 เดือน ก็ได้ซื้อบ้านใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน นายถนอมได้ให้เงินใช้จ่ายเดือนละ 50,000 บาท
น.ส.ฝ้าย กล่าวต่ออีกว่า ช่วงที่ย้ายไปอยู่ในบ้านด้วยกันและท้องได้ 3 เดือนนั้น เริ่มสังเกตได้ว่า สามีเปลี่ยนไป แอบคุยโทรศัพท์ และมักจะไปคอมเม้นใต้โพสของหญิงสาวรายหนึ่ง อายุ 32 ปี ชาว จ.อุดรธานี อยู่บ่อยๆ จึงเก็บความสงสัยเอาไว้ ส่วนท้องก็โตขึ้นทุกวัน และความเปลี่ยนแปลงของสามีก็มีมากขึ้น และให้ตนออกจากงาน ปิดร้านอาหารมาอยู่บ้านเฉยๆ จึงตัดสินใจสืบค้นความเปลี่ยนแปลงของสามี
โดยการค้นหาจากชื่อเพื่อนของสามีในเพซบุ๊ก และเจอเฟซบุ๊กของหญิงสาวชื่อเจ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ซึ่งก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย แต่เมื่อค้นรายละเอียดจากเฟซบุ๊กของเพื่อน น.ส.เจ ปรากฏว่าพบภาพงานแต่งของสามีกับ น.ส.เจ ที่ถ่ายร่วมกับเพื่อน ๆ นับสิบคน ซึ่งจัดงานมงคลสมรสในโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่ จ.อุดรธานี จึงเก็บภาพดังกล่าวไว้ เมื่อสามีกลับมาที่บ้าน จึงเอาภาพให้ดูพร้อมกับถามว่า ทำไมถึงทำเช่นนี้ สามีตอบว่า จำเป็นต้องแต่ง และก็ไม่พูดอะไรอีก
“เราไม่โวยวายเพราะกำลังท้อง อดกลั้นใช้ชีวิตอยู่คนเดียว รอจนลูกคลอดออกมา ส่วนสามี ได้เซ็นรับรองบุตรในฐานะบิดา แต่ชีวิตไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เพราะสามีไม่มาสนใจดูแลและไม่จ่ายค่าเลี้ยงดู และในเดือนสิงหาคม 2564 นายถนอม ก็ไล่ออกจากบ้าน ไม่ให้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว จึงนำลูกพร้อมของใช้ส่วนตัวออกจากบ้าน กลับมาอยู่ที่บ้านกับมารดาและพี่สาว ส่วนสามีก็ไม่เคยโทรหาและไม่เคยโอนเงินให้ ไม่เคยมาดูแลลูก ที่ผ่านมา พยายามนิ่งและไม่โวยวาย
ก่อนตัดสินใจไปหา น.ส.เจ ที่อุดรธานี โดยนัดเจอเพื่อคุยกัน ทำให้ทราบจาก น.ส.เจ ว่า นายถนอมไปคบหาและขอเป็นแฟน โดยบอกว่าตัวเองโสดไม่มีลูกเมีย น.ส.เจ จึงเชื่อ จากนั้นนายถนอมก็ขอ น.ส.เจ แต่งงานและได้จัดงานมงคลสมรสดังกล่าวขึ้นในโรงแรมที่อุดรธานี ตามภาพที่เพื่อนนำมาลงในเฟซบุ๊ก โดยที่ น.ส.เจ ไม่ทราบมาก่อนว่า นายถนอมมีลูกเมียที่ขอนแก่น ซึ่งเชื่อว่า น.ส.เจ ไม่รู้จริง ๆ แต่ในขณะนี้โดยส่วนตัวเชื่อว่า เมื่อ น.ส.เจ รู้แล้วก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะนายถนอมได้ไล่ตนออกจากบ้าน และไม่ดูแลลูกแล้ว กลายเป็นคนโสดที่พร้อมจะดูแล น.ส.เจ เพียงคนเดียว”
น.ส.ฝ้าย กล่าวต่ออีกว่า ได้รวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ที่มีปรึกษาทนายความ และนำข้อความที่ถูกนายถนอมต่อว่า เข้าแจ้งความให้ตำรวจทำการสืบสวนดำเนินคดีตามกฏหมาย ทั้งยังนำหลักฐาน เดินทางเข้าร้องเรียนกับอธิบดีกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคมเพื่อขอความเป็นธรรมให้ลูก และต้องการให้นายถนอม มารับผิดชอบ แต่นายถนอม ปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง ซ้ำยังกล่าวหาว่าเป็นลูกชู้ โดยนายถนอม ยืนยันว่าตัวเองเป็นหมั้น มีลูกไม่ได้ ลูกที่เกิดมาจึงเป็นลูกชู้และท้าทายให้พาลูกไปตรวจดีเอ็นเอ
“ฝ้ายทนไม่ได้ที่พ่อไม่ดูแลลูก จึงออกมาให้ข่าว เพื่อที่นายถนอมจะได้ออกมายอมรับว่าเป็นพ่อของลูก และเลี้ยงดูลูกเหมือนพ่อคนอื่น ๆ เพราะทุกวันนี้ปิดร้านอาหารแล้ว ไม่มีงานทำ จึงไม่มีรายได้มาเลี้ยงลูก รวมถึงฝากถึงนายถนอมว่า อย่าเห็นแก่ตัวลูกตัวเองแท้ ๆ ยังไม่รับผิดชอบเลี้ยงดู”
อย่างไรก็ตามขอให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี สามารถปรับความเข้าใจกันได้ และไม่ส่งผลกระทบต่อลูกของทั้งคู่
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวสดออนไลน์